คู่มือการใช้งานและบำรุงรักษาเครื่อง (User Guide)IM CW2200

การเข้ารหัสการสื่อสารผ่านเครือข่าย

ในการป้องกันข้อมูลที่สื่อสาร การเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ภายนอกจึงมีความจำเป็น

ข้อมูลที่ส่งและรับโดยเครื่องสามารถถูกดัก เจาะ หรือดัดแปลงระหว่างการรับส่งข้อมูล ตัวอย่างเช่น ข้อมูลต่อไปนี้สามารถรับส่งระหว่างเครื่องและอุปกรณ์ภายนอกหรือคอมพิวเตอร์:

  • เอกสารที่พิมพ์ในบริษัทโดยใช้พรินเตอร์ไดรฟ์เวอร์

  • เอกสารที่สแกนและส่งทางอีเมลเพื่อใช้ในการประชุม

  • ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ

ดูตารางด้านล่างสำหรับวิธีการเข้ารหัสข้อมูล

ข้อมูลที่จะเข้ารหัส

วิธีการเข้ารหัส

กระบวนการ/การอ้างอิง

Web Image Monitor

การพิมพ์ผ่าน IPP

Windows authentication

LDAP authentication

การรับส่งอีเมล

SSL/TLS

ติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์

  1. การติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง/ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง

  2. การเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลโดยใช้ SSL/TLS

อีเมล

S/MIME

ติดตั้งใบรับรองผู้ใช้

  • การเข้ารหัสอีเมลที่ส่งจากเครื่องโดย S/MIME

ข้อมูลการจัดการเครื่อง

SNMPv3

ระบุรหัสผ่านการเข้ารหัส

  • การเข้ารหัสข้อมูลที่สื่อสารด้วยซอฟต์แวร์การจัดการเครื่องผ่าน SNMPv3

ข้อมูลการยืนยันตัวตนสำหรับงานพิมพ์

คีย์การเข้ารหัสไดรฟ์เวอร์

การยืนยันตัวตนผ่าน IPP

การระบุคีย์การเข้ารหัสไดรฟ์เวอร์

ระบุการยืนยันตัวตนผ่าน IPP

  • การเข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบของงานพิมพ์

ข้อมูลการยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos

แตกต่างกันไปตามเซิร์ฟเวอร์ KDC

เลือกวิธีการเข้ารหัส

  • การเข้ารหัสการสื่อสารระหว่าง KDC และเครื่อง

สิ่งสำคัญ

  • ผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องบริหารจัดการวันหมดอายุของใบรับรองและต่ออายุใบรับรองต่างๆ ก่อนที่จะหมดอายุ

  • ผู้ดูแลระบบจำเป็นจะต้องตรวจสอบดูว่าผู้ออกใบรับรองดังกล่าวนั้นเป็นองค์กรที่ถูกต้องหรือไม่

การติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง/ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง

ในการเข้ารหัสการสื่อสารกับเครื่อง ให้ติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์

มีใบรับรองอุปกรณ์สองชนิดที่สามารถใช้ได้: ใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเองที่สร้างขึ้นโดยเครื่องและใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง หากต้องการความเชื่อมั่นมากขึ้น ให้ใช้ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง

ภาพตัวอย่างประกอบการติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง/ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง
  • ติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์จากแผงควบคุมหรือ Web Image Monitor

  • สามารถติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเองได้เพียงหนึ่งฉบับเท่านั้นจากแผงควบคุม ในการติดตั้งใบรับรองหลายฉบับหรือใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง ให้ระบุการตั้งค่าจาก Web Image Monitor

การติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเองจากแผงควบคุม

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายที่แผงควบคุม

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2บนหน้าจอ Home กด [การตั้งค่า]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

3บนหน้าจอ Settings กด [การตั้งค่าระบบ]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

4กด [การตั้งค่าสำหรับผู้ดูแลระบบ][ความปลอดภัย][ลงทะเบียน/ลบใบรับรองอุปกรณ์]

5เลือก [Certificate 1] แล้วกด [บันทึก]

6ระบุข้อมูลที่จะรวมไว้ในใบรับรอง

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม
  • ชื่อสามัญ: ป้อนชื่อใบรับรองอุปกรณ์ที่ต้องการสร้าง (จำเป็น)

  • อีเมลแอดเดรส: ในการใช้ใบรับรองอุปกรณ์สำหรับ S/MIME ลายมือชื่อดิจิทัล PDF หรือลายมือชื่อดิจิทัล PDF/A ให้ป้อนอีเมลแอดเดรสของผู้ดูแลระบบเครื่อง

  • ระบุ องค์กร, หน่วยองค์กร และรายการอื่นๆ ตามที่จำเป็น

7กด [ตกลง]

8กด [ออก]

9กด [หน้า Home] (Operation panel screen illustration) และออกจากระบบของเครื่อง

การติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง/ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรองจาก Web Image Monitor

1เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายจาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Configuration] ในเมนู [Device Management]

3คลิก [Device Certificate] ในหมวดหมู่ "Security"

4บนหน้าจอ "Device Certificate" ให้ติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเองหรือใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรองโดยปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่าง:

วิธีการติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง

สร้างและติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง

  1. เลือกหมายเลขจากรายการเพื่อสร้างใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง

  2. คลิก [Create] เพื่อระบุการตั้งค่าที่จำเป็น

    • Common Name: ป้อนชื่อใบรับรองอุปกรณ์ที่ต้องการสร้าง (จำเป็น)

    • Email Address: ในการใช้ใบรับรองอุปกรณ์สำหรับ S/MIME ลายมือชื่อดิจิทัล PDF หรือลายมือชื่อดิจิทัล PDF/A ให้ป้อนอีเมลแอดเดรสของผู้ดูแลระบบเครื่อง

    • ระบุ [Organization], [Organizational Unit] และรายการอื่นๆ ที่จำเป็น

  3. คลิก [OK]

    ข้อความจะปรากฏขึ้นเมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณอาจต้องรอสักครู่หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนถัดไป

  4. คลิก [OK]

    "Installed" จะแสดงขึ้นมาใน [Certificate Status]

วิธีการติดตั้งใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง

ขอรับใบรับรองอุปกรณ์จากผู้ออกใบรับรอง และติดตั้งใบรับรอง โดยทำตามขั้นตอนเดียวกันนี้เพื่อติดตั้งใบรับรองระดับกลาง

  1. เลือกหมายเลขจากรายการเพื่อสร้างใบรับรองอุปกรณ์

  2. คลิก [Request] เพื่อระบุการตั้งค่าที่จำเป็น

  3. คลิก [OK]

    ข้อความจะปรากฏขึ้นเมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณอาจต้องรอสักครู่หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนถัดไป

  4. คลิก [OK]

    "Requesting" จะแสดงขึ้นมาใน [Certificate Status]

  5. ยื่นขอใบรับรองอุปกรณ์จากผู้ให้บริการออกใบรับรอง

    • ไม่สามารถยื่นขอใบรับรองจาก Web Image Monitor ได้ ขั้นตอนการยื่นขอใบรับรองจะแตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ออกใบรับรอง หากต้องการรายละเอียด โปรดติดต่อผู้ให้บริการออกใบรับรอง

    • เมื่อต้องการขอใบรับรอง ให้คลิกไอคอนรายละเอียด ภาพประกอบหน้าจอแผงการดำเนินงาน และใช้ข้อมูลที่แสดงขึ้นมาในหน้าจอ [Certificate Details]

    • ตำแหน่งที่ออกใบรับรองอาจจะไม่แสดง หากยื่นขอใบรับรองหลายฉบับพร้อมกัน ขณะติดตั้งใบรับรอง โปรดตรวจสอบปลายทางของใบรับรองและขั้นตอนในการติดตั้ง

  6. หลังจากที่ผู้ออกใบรับรองได้ออกใบรับรองอุปกรณ์แล้ว ให้เลือกหมายเลขของใบรับรองที่ออกให้นั้นจากรายการบนหน้าจอ "Device Certificate" จากนั้นคลิก [Install]

  7. ป้อนเนื้อหาของใบรับรองอุปกรณ์ในช่องป้อนข้อมูล

    • ในการติดตั้งใบรับรองระดับกลางในเวลาเดียวกัน ให้ป้อนเนื้อหาของใบรับรองระดับกลางด้วย

    • หากไม่มีการติดตั้งใบรับรองระดับกลางที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง ข้อความแจ้งเตือนจะแสดงขึ้นมาระหว่างการสื่อสารของเครือข่าย เมื่อผู้ออกใบรับรองได้ออกใบรับรองระดับกลางแล้ว ต้องทำการติดตั้งใบรับรองระดับกลางนั้น

  8. คลิก [OK]

    "Installed" จะแสดงขึ้นมาใน "Certificate Status"

5หลังจากเสร็จสิ้นการติดตั้งแล้ว ให้เลือกใบรับรองสำหรับแต่ละแอปพลิเคชัน [Certification]

6คลิก [OK]

ข้อความจะปรากฏขึ้นเมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณอาจต้องรอสักครู่หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนถัดไป

7คลิก [OK]

8ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หมายเหตุ

  • ในการพิมพ์ข้อมูลในเครื่องโดยใช้ IPP-SSL ผู้ใช้ต้องติดตั้งใบรับรองในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน เลือก [Trusted Root Certification Authorities] เป็นตำแหน่งที่เก็บบันทึกใบรับรองขณะเข้าถึงเครื่องโดย IPP

  • ในการเปลี่ยนแปลง [Common Name] ของใบรับรองอุปกรณ์ เมื่อใช้พอร์ต IPP มาตรฐานของ Windows ให้ลบเครื่องพิมพ์พีซีที่กำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ และติดตั้งไดรเวอร์เครื่องพิมพ์อีกครั้ง นอกจากนี้ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขการตั้งค่าการยืนยันตัวตนผู้ใช้ (ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบ) ให้ลบเครื่องพิมพ์พีซีที่กำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้เสียก่อน เปลี่ยนการตั้งค่าการยืนยันตัวตนผู้ใช้ จากนั้นติดตั้งพรินเตอร์ไดรฟ์เวอร์ใหม่อีกครั้ง

การเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลโดยใช้ SSL/TLS

SSL (Secure Sockets Layer) /TLS (Transport Layer Security) เป็นวิธีการเข้ารหัสการสื่อสารของเครือข่าย SSL/TLS จะป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกดัก เจาะ หรือดัดแปลง

กระบวนการในการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสแบบ SSL/TLS

  1. เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ร้องขอใบรับรองอุปกรณ์ SSL/TLS และคีย์สาธารณะในขณะเข้าถึงเครื่อง

  2. ใบรับรองอุปกรณ์และคีย์สาธารณะจะถูกส่งจากเครื่องไปยังคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน

    ภาพประกอบการเข้ารหัสลับการส่งข้อมูลโดยใช้ SSL/TLS
  3. คีย์ที่แชร์ร่วมกันซึ่งสร้างขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเข้ารหัสโดยใช้คีย์สาธารณะดังกล่าว แล้วส่งไปยังเครื่อง จากนั้นเครื่องจะทำการถอดรหัสโดยใช้คีย์ส่วนตัวในเครื่อง

    ภาพประกอบการเข้ารหัสลับการส่งข้อมูลโดยใช้ SSL/TLS
  4. คีย์ที่แชร์ร่วมกันจะถูกนำไปใช้สำหรับการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล จึงทำให้การรับส่งข้อมูลมีความปลอดภัย

    ภาพประกอบการเข้ารหัสลับการส่งข้อมูลโดยใช้ SSL/TLS
  • ในการเปิดใช้งานการสื่อสารที่มีการเข้ารหัส ให้ติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์ในเครื่องล่วงหน้า

  • ในการเข้ารหัสการสื่อสารโดยใช้ SSL/TLS ให้เปิดใช้งาน SSL/TLS ดังนี้:

หมายเหตุ

  • หากต้องการตรวจสอบว่ามีการเปิดใช้การกำหนดค่า SSL/TLS หรือไม่ โปรดป้อน "https://(ที่อยู่ IP ของเครื่องหรือชื่อโฮสต์)/" ลงในแถบที่อยู่ของเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงเครื่องๆ นี้ หากข้อความ "The page cannot be displayed" แสดงขึ้น โปรดตรวจสอบการกำหนดค่าอีกครั้ง เนื่องจากการกำหนดค่าของ SSL/TLS ปัจจุบันไม่ถูกต้อง

  • หากเปิดใช้ SSL/TLS สำหรับ IPP (ฟังก์ชัน Printer) ข้อมูลที่ถูกส่งไปจะถูกเข้ารหัสเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกดัก ถูกวิเคราะห์ หรือถูกปลอมแปลง

การเปิดใช้ SSL/TLS

1เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายจาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Configuration] ในเมนู [Device Management]

3คลิก [SSL/TLS] ในหมวดหมู่ "Security"

4เลือกโพรโทคอลเพื่อเปิดใช้งานการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสไว้บน "SSL/TLS" เพื่อระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสื่อสาร

  • Permit SSL/TLS Communication: เลือกหนึ่งในโหมดการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสด้านล่างนี้:

    • Ciphertext Priority: ทำการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสลับเมื่อใบรับรองอุปกรณ์ได้ถูกสร้างแล้ว หากไม่สามารถเข้ารหัสได้ เครื่องจะสื่อสารข้อมูลในรูปแบบข้อความที่ชัดเจน

    • Ciphertext/Cleartext: ทำการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสลับเมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องโดยใช้ที่อยู่ "https" จากเว็บเบราว์เซอร์ สื่อสารในรูปแบบข้อความที่ชัดเจนเมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องโดยใช้ที่อยู่ "http"

    • Ciphertext Only: อนุญาตให้มีการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสเท่านั้น หากไม่สามารถเข้ารหัสได้เนื่องจากเหตุผลบางประการ เครื่องจะไม่สามารถสื่อสารได้ หากเป็นกรณีดังกล่าว ให้กด [การตั้งค่าระบบ][เครือข่าย/อินเตอร์เฟซ][ความปลอดภัยในการสื่อสาร][อนุญาตให้ทำการสื่อสาร SSL/TLS] บนแผงควบคุม เปลี่ยนโหมดการสื่อสารไปเป็น [ข้อความเข้ารหัส/ข้อความเปล่า] ชั่วคราว จากนั้นให้ตรวจสอบการตั้งค่า

  • SSL/TLS Version: ระบุ TLS 1.2, TLS 1.1, TLS 1.0, และ SSL 3.0 เพื่อเปิดหรือปิดใช้งาน ต้องเปิดใช้งานโปรโตคอลอย่างน้อยหนึ่งโปรโตคอล

  • Encryption Strength Setting: ระบุอัลกอริทึมการเข้ารหัสที่ต้องการใช้กับ AES, 3DES, และ RC4 โดยจะต้องเลือกอย่างน้อยหนึ่งข้อ

  • KEY EXCHANGE: ระบุว่าจะเปิดหรือปิดใช้งานการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA

  • DIGEST: ระบุว่าจะเปิดหรือปิดใช้งาน SHA1 DIGEST

5คลิก [OK]

6ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์

ในการเข้ารหัสการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ SMTP ให้ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเปลี่ยน [Use Secure Connection (SSL)] เป็น [On]

หมายเหตุ

  • เครื่องอาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับเซิฟเวอร์ LDAP ภายนอก โดยขึ้นอยู่กับสถานภาพที่คุณระบุสำหรับ TLS 1.2, TLS 1.1, TLS 1.0 และ SSL 3.0

การเปิดใช้งานการเชื่อมต่อผ่าน SSL สำหรับ SMTP

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายที่แผงควบคุม

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2บนหน้าจอ Home กด [การตั้งค่า]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

3บนหน้าจอ Settings กด [การตั้งค่าระบบ]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

4กด [ส่ง (อีเมล/โฟลเดอร์)][อีเมล][เซิร์ฟเวอร์ SMTP]

5จากรายการด้านข้าง ใช้การเชื่อมต่อความปลอดภัย (SSL) เลือก [เปิด]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม
  • หลังจากเสร็จสิ้นการกำหนดค่าแล้ว หมายเลขพอร์ตจะเปลี่ยนไปเป็น 465 (SMTP over SSL) เมื่อใช้ SMTP over TLS (STARTTLS) สำหรับการเข้ารหัส ให้เปลี่ยนหมายเลขพอร์ตเป็น 587

  • เมื่อระบุหมายเลขพอร์ตเป็นหมายเลขอื่นนอกเหนือจาก 465 และ 587 การสื่อสารจะถูกเข้ารหัสตามการตั้งค่าในเซิร์ฟเวอร์ SMTP

6กด [OK]

7กด [หน้า Home] (Operation panel screen illustration) และออกจากระบบของเครื่อง

การเข้ารหัสอีเมลที่ส่งจากเครื่องโดย S/MIME

S/MIME (Secure/Multipurpose Internet Mail Extensions) เป็นวิธีการเข้ารหัสเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของการสื่อสารทางอีเมล เมื่อระบุ S/MIME แล้ว จะสามารถส่งอีเมลที่มีการเข้ารหัสซึ่งแนบไฟล์ที่มีการเข้ารหัสหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้

สิ่งสำคัญ

  • ในการใช้ S/MIME ขั้นแรกคุณต้องระบุ [การตั้งค่าระบบ][ส่ง (อีเมล/โฟลเดอร์)][อีเมล][อีเมลแอดเดรสของผู้ดูแลระบบ]

ภาพตัวอย่างประกอบการเข้ารหัสอีเมลที่ส่งจากเครื่องโดย S/MIME
  • เมื่อส่งอีเมลไปยังผู้ใช้ทั้งสองที่มีไคลเอนต์จดหมายรองรับ S/MIME และผู้ใช้ที่ไคลเอนต์ไม่รองรับ เฉพาะอีเมลที่ส่งถึงลูกค้าที่รองรับ S/MIME เท่านั้นที่จะมีการเข้ารหัส

  • เครื่องรับต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่รองรับ S/MIME

  • สามารถใช้การเข้ารหัสอีเมลหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือใช้ทั้งสองฟังก์ชันร่วมกัน

  • เมื่อส่งอีเมลที่แนบมาพร้อมกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองผู้ใช้ ติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์ จากนั้นระบุลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อแนบกับอีเมล สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตั้งใบรับรองอุปกรณ์ ให้ดูที่ส่วนด้านล่าง:

    การติดตั้งใบรับรองที่ลงชื่อด้วยตัวเอง/ใบรับรองที่ออกโดยผู้ออกใบรับรอง

  • ขณะใช้ S/MIME จะทำให้อีเมลมีขนาดใหญ่กว่าปกติ

  • สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ S/MIME ที่มีฟังก์ชันสแกนเนอร์ ให้ดูที่ส่วนด้านล่าง:

    "Applying Security Settings to an E-mail When Sending a Scanned Document" ใน User Guide (Full Version) ฉบับภาษาอังกฤษ

การลงทะเบียนใบรับรองผู้ใช้กับผู้ใช้ที่จะรับอีเมล

ในการส่งอีเมลที่มีการเข้ารหัส ก่อนอื่นให้ลงทะเบียนใบรับรองผู้ใช้กับผู้ใช้ที่จะได้รับอีเมล

เตรียมใบรับรองผู้ใช้ไว้ล่วงหน้า สามารถลงทะเบียนใบรับรองผู้ใช้ไปยังเครื่องได้ 3 ประเภท คือ "DER Encoded Binary X.509", "Base 64 Encoded X.509", และ "PKCS #7 certificate"

1เข้าสู่ระบบของเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบผู้ใช้จาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Address Book] ในเมนู [Device Management]

3เลือกผู้ใช้เพื่อติดตั้งใบรับรอง จากนั้นคลิก [Change] บนแท็บ [Detail Input]

4ในหมวดหมู่ "Email" ให้ระบุการตั้งค่าที่จำเป็น

  • Email Address: ป้อนที่อยู่อีเมลของผู้ใช้

  • User Certificate: คลิก [Change] แล้วระบุใบรับร้องผู้ใช้ที่ต้องการใช้

5คลิก [OK]

6ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์

ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อระบุรายละเอียดของการเข้ารหัสที่จะเปิดใช้งาน

หมายเหตุ

  • ขณะติดตั้งใบรับรองผู้ใช้ลงใน Address Book โดยใช้ Web Image Monitor อาจมีข้อความแสดงความผิดพลาดปรากฏขึ้นหากไฟล์ใบรับรองนั้นมีมากกว่าหนึ่งประเภท หากเกิดกรณีเช่นนี้ โปรดติดตั้งใบรับรองทีละรายการ

  • เมื่อใบรับรองผู้ใช้รายนั้นผ่านพ้นช่วงเวลาที่สามารถใช้งาน ระบบจะไม่สามารถส่งข้อความแบบเข้ารหัสได้อีกต่อไป โปรดเลือกใบรับรองที่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถใช้งานได้

การกำหนดค่าอัลกอริทึมการเข้ารหัสและการแนบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์

1เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายจาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Configuration] ในเมนู [Device Management]

3คลิก [S/MIME] ในหมวดหมู่ "Security"

4กำหนดค่าการเข้ารหัสอีเมลและลายมือชื่อิเล็กทรอนิกส์

Encryption

  • Encryption Algorithm: เลือกอัลกอริทึมการเข้ารหัสของคีย์ที่ใช้ร่วมกันที่ใช้ในการเข้ารหัสอีเมลด้วย S/MIME เลือกอัลกอริทึมการเข้ารหัสที่รองรับโดยซอฟต์แวร์อีเมลของผู้ใช้

Signature

  • Certificate Status: ใบรับรองที่ระบุสำหรับ S/MIME จะแสดงขึ้นมา

  • Digest Algorithm: เลือกอัลกอริทึมการแยกย่อยต้องการใช้สำหรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์

  • When Sending Email by Scanner, When Transferring Files Stored in Document Server (Utility): ระบุว่าต้องการเลือกวิธีการแนบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละฟังก์ชันเมื่อส่งหรือถ่ายโอนอีเมลหรือเอกสารหรือไม่

Operation Mode

  • Operation Mode: เลือกเวลาที่ต้องการตรวจสอบรอบระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ของใบรับรอง

    • Performance Priority: รอบระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ของใบรับรองผู้ใช้จะถูกตรวจสอบเมื่อเลือกที่อยู่ รอบระยะเวลาที่ผลบังคับใช้ของใบรับรองอุปกรณ์จะถูกตรวจสอบเมื่อกด [Start] ไม่เป็นไปตามกฎการประเมินระหว่างประเทศสำหรับความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (CC Authentication) แต่สามารถตอบสนองผู้ใช้ได้เร็วกว่าเมื่อทำการเลือก [Security Priority]

    • Security Priority: รอบระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้จะถูกตรวจสอบเมื่อเลือกที่อยู่ และเมื่อกด [Start] ระบบจะใช้เวลาสักครู่ก่อนตอบสนองผู้ใช้ และดำเนินการอย่างเหมาะสมภายใต้เงื่อนไขที่เป็นไปตามกฎการประเมินระหว่างประเทศสำหรับความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (CC Authentication)

5คลิก [OK]

6ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์

หมายเหตุ

  • เมื่อแนบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปกับอีเมล ที่อยู่อีเมลของผู้ดูแลระบบจะถูกใช้ในช่อง [จาก] และที่อยู่อีเมลของผู้ใช้ที่เลือกไว้เป็น [ผู้ส่ง] จะถูกใช้ในช่อง [ตอบกลับ]

  • หากใบรับรองมีความถูกต้องขณะทำการรับส่ง แต่หมดอายุไปก่อนที่เมลเซิร์ฟเวอร์จะทำการดึงข้อมูลของอีเมลดังกล่าวเพื่อส่งไปยังคอมพิวเตอร์ไคลเอ็นต์ ระบบอาจไม่มีการดึงข้อมูลของอีเมลฉบับนั้นขึ้นมา

  • หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นนอกรอบระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ของใบรับรองเมื่ออีเมลถูกส่งโดยอัตโนมัติโดยใช้ Memory Transmission หรือส่งตามเวลาที่กำหนดไว้ ข้อผิดพลาดจะถูกรายงานผ่านอีเมลข้อความที่ชัดเจนไปยังที่อยู่อีเมลของผู้ส่งหรือผู้ดูแลระบบ เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันการเก็บบันทึกงาน จะสามารถดูรายละเอียดข้อผิดพลาดในบันทึกงานได้

  • "Collecting Logs" ใน User Guide (Full Version) ฉบับภาษาอังกฤษ

  • หากใบรับรองอุปกรณ์ที่เลือกนั้นหมดอายุ จะไม่สามารถแนบลายเซ็นลงในเอกสาร PDF ได้ โปรดเลือกใบรับรองที่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถใช้งานได้

  • อัลกอริธึมลายมือชื่อสำหรับลายมือชื่อดิจิตอลของใบรับรองอุปกรณ์ที่สามารถแนบไปกับไฟล์แบบ PDF/A คือ "sha1WithRSA-1024".

การเข้ารหัสข้อมูลที่สื่อสารด้วยซอฟต์แวร์การจัดการเครื่องผ่าน SNMPv3

เมื่อตรวจสอบติดตามอุปกรณ์โดยใช้ Device Manager NX ผ่านทางเครือข่าย คุณสามารถเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งได้โดยใช้โปรโตคอล SNMPv3

ภาพตัวอย่างประกอบการเข้ารหัสข้อมูลที่สื่อสารด้วยซอฟต์แวร์การจัดการเครื่องผ่าน SNMPv3

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายที่แผงควบคุม

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2บนหน้าจอ Home กด [การตั้งค่า]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

3บนหน้าจอ Settings กด [การตั้งค่าระบบ]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

4กด [เครือข่าย/อินเตอร์เฟซ][อนุญาตให้ทำการสื่อสาร SNMPv3]

5จากรายการด้านข้าง อนุญาตให้ทำการสื่อสาร SNMPv3 เลือก [เฉพาะการเข้ารหัส]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

6กด [OK]

7กด [หน้า Home] (Operation panel screen illustration) และออกจากระบบของเครื่อง

หมายเหตุ

  • ในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่ระบุไว้ในเครื่องจาก Device Manager NX ให้ระบุรหัสผ่านสำหรับการเข้ารหัสต่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายใน [ลงทะเบียน/เปลี่ยนผู้ดูแลระบบ] จากนั้นลงทะเบียนรหัสผ่านสำหรับการเข้ารหัสในบัญชี SNMP ของ Ridoc IO Device Manager

  • หากไม่มีการตั้งค่า [รหัสผ่านการเข้ารหัส] ของผู้ดูแลระบบเครือข่าย ระบบอาจไม่มีการเข้ารหัสหรือส่งข้อมูล สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่ารหัสผ่านการเข้ารหัสลับของผู้ดูแลระบบเครือข่าย โปรดดูส่วนต่อไปนี้:

  • การเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ

การเข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบของงานพิมพ์

คุณสามารถเข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบสำหรับไดรเวอร์เครื่องพิมพ์และรหัสผ่านสำหรับการพิมพ์แบบ IPP เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อการถอดรหัสผาน

ภาพตัวอย่างประกอบการเข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบของงานพิมพ์
  • ในการพิมพ์งานจาก LAN ภายในสำนักงาน ให้ระบุคีย์การเข้ารหัสลับไดรเวอร์

  • ในการทำการพิมพ์ IPP จากเครือข่ายภายนอก ให้เข้ารหัสรหัสผ่านของการพิมพ์ IPP

การระบุคีย์การเข้ารหัสไดรเวอร์เพื่อเข้ารหัสรหัสผ่าน

ระบุคีย์การเข้ารหัสไดรเวอร์ที่ระบุไว้ในเครื่อง รวมทั้งไดรเวอร์เครื่องพิมพ์เพื่อเข้ารหัสและถอดรหัสรหัสผ่าน

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายที่แผงควบคุม

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2บนหน้าจอ Home กด [การตั้งค่า]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

3บนหน้าจอ Settings กด [การตั้งค่าระบบ]

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

4กด [การตั้งค่าสำหรับผู้ดูแลระบบ][ความปลอดภัย][การตั้งค่าความปลอดภัยแบบขยาย]

5กด [เปลี่ยน] ด้านข้าง "คีย์การเข้ารหัสไดรเวอร์

ภาพแสดงหน้าจอแผงควบคุม

6ป้อนรหัสผ่านที่จะใช้เป็นคีย์การเข้ารหัสลับของไดรเวอร์ จากนั้นกด [Done]

7ป้อนรหัสผ่านสำหรับ ยืนยันรหัสผ่าน อีกครั้ง จากนั้นกด [Done]

8กด [ตกลง] สองครั้ง

9กด [หน้า Home] (Operation panel screen illustration) และออกจากระบบของเครื่อง

10ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะต้องมอบคีย์เข้ารหัสสำหรับไดรเวอร์ซึ่งกำหนดไว้บนเครื่องดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนคีย์ดังกล่าวบนเครื่องของตนเองได้

  • โปรดแน่ใจว่าได้ป้อนคีย์เข้ารหัสสำหรับไดรเวอร์เหมือนกับที่ระบุไว้บนเครื่อง

  • เมื่อใช้ไดรเวอร์เครื่องพิมพ์ PS3 คุณสามารถป้อนคีย์การเข้ารหัสไดรเวอร์ได้ใน [Printer properties] the [ต้วเลือกขั้นสูง] tab [การยืนยันตัวตนผู้ใช้]

หมายเหตุ

  • สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดคีย์เข้ารหัสบนไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์หรือไดรเวอร์ TWAIN โปรดดูวิธีใช้งานไดรเวอร์

การเข้ารหัสรหัสผ่านของการพิมพ์ IPP

เมื่อทำการพิมพ์โดยใช้โปรโตคอล IPP ให้ระบุวิธีการยืนยันตัวตนไปยัง [DIGEST] เพื่อเข้ารหัสรหัสผ่านการยืนยันตัวตน IPP ลงทะเบียนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับการยืนยันตัวตนผ่าน IPP แยกต่างหากจากข้อมูลผู้ใช้ใน Address Book

1เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบเครือข่ายจาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Configuration] ในเมนู [Device Management]

3คลิก [IPP Authentication] ในหมวดหมู่ "Security"

4เลือก [DIGEST] ใน "การยืนยันตัวตน"

5ป้อน User Name และ Password

  • คลิก [เปิด] ของ "User Authentication Function of Main Unit" เพื่อใช้ข้อมูลการยืนยันตัวตนผู้ใช้ที่อยู่ในเครื่องแทนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับการยืนยันตัวตน IPP

6คลิก [OK]

ข้อความจะปรากฏขึ้นเมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณอาจต้องรอสักครู่หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนถัดไป

7คลิก [OK]

8ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์

การเข้ารหัสการสื่อสารระหว่าง KDC และเครื่อง

สามารถเข้ารหัสการสื่อสารระหว่างเครื่องและเซิร์ฟเวอร์ Key Distribution Center (KDC) เมื่อใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Kerberos กับการยืนยันตัวตนผ่าน Windows หรือ LDAP เพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัย

อัลกอริธึมสำหรับการเข้ารหัสที่รองรับจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเซิร์ฟเวอร์ KDC

1เข้าสู่ระบบเครื่องในฐานะผู้ดูแลระบบเครื่องจาก Web Image Monitor

การเข้าสู่ระบบในฐานะผู้ดูแลระบบ

2คลิก [Configuration] ในเมนู [Device Management]

3คลิก [การยืนยันตัวตนแบบ Kerberos] ในหมวดหมู่ "Device Settings"

4เลือกอัลกอริทึมการเข้ารหัสที่ต้องการเปิดใช้งาน

  • เฉพาะ Heimdal เท่านั้นที่รองรับ DES3-CBC-SHA1

  • ในการใช้ DES-CBC-MD5 ในระบบปฏิบัติการ Windows Server ให้เปิดใช้งานในส่วนการตั้งค่าระบบปฏิบัติการ

5คลิก [OK]

6ออกจากระบบของเครื่อง จากนั้นออกจากเว็บเบราว์เซอร์